UFABETWINS เรื่องบางเรื่องในยุทธจักรลูกหนังมันก็บ้าๆ บอๆ เสียจนไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์นะครับ
ยกตัวอย่างเรื่องของ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน เป็นต้น
สมัยที่ยังสวมเครื่องแบบปีศาจแดง แม้จะมีบางโมเมนต์ที่น่าจดจำ แถมได้สัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีกอันทรงเกียรติ แต่ผลงานโดยรวมของ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ถือว่าไม่ค่อยโสภาสักเท่าไหร่
เรียกได้ว่า ‘สากกะเบือ’ เลยดีฝ่า !!!
กว่าจะทำประตูแรกได้ต้องรอถึงเกมที่ 27 แถมมาจากจุดโทษที่เพื่อนร่วมทีมยกหน้าที่เพชฌฆาตให้เป็นกรณีพิเศษ หลังจากนำห่างคู่แข่งแบบหายห่วง โดยตลอด 3 ฤดูกาลที่ค้าแข้งให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กองหน้าชาวอุรุกวัยผู้นี้ลงเล่นไปทั้งหมด 98 นัด ทำได้แค่ 17 ประตู หากนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีกยิ่งแล้วใหญ่ เพราะยิงได้แค่ 10 ประตูเท่านั้นเอง
10 ประตูจาก 63 นัด
โทษฐานที่เป็นกองหน้า ถือว่า…น่าเกลียดนะคะ
ทว่านับตั้งแต่ถีบตัวเองออกไปจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทำไมเขาถึงเปลี่ยนเป็นคนละคน…ซะอย่างนั้น
ฤดูกาลแรก หลังจากที่ย้ายไปอยู่กับ บียาเรอัล ในแดนกระทิงดุ เขายิงได้ถึง 25 ประตู ในศึก ลา ลีกา
ไม่เพียงแต่จะคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุด “ปิชีชี่ โทรฟี่” ยังคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของยุโรปอีกต่างหาก
ตลอด 3 ฤดูกาลกับทีมเรือดำน้ำสีเหลือง ลงเล่นไป 128 นัด กระหน่ำไป 59 ประตู ก่อนจะเลื้อยตูดไปอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ในปี 2007
ซีซั่นแรกกับทีมตราหมีมหาประลัย พี่แกกระทุ้งไป 23 ประตูในทุกรายการ
ฤดูกาล 2008-09 ค่าพลัง ดิเอโก้ ฟอร์ลัน พุ่งทะยานถึงขีดสุด กระหน่ำยิงแบบไม่ยั้งหยุดไปถึง 32 ประตูใน ลา ลีกา แถมมาจากการลงสนาม 33 นัด
ครับ 33 นัด ยิง 32 ประตู มึงจะบ้าหรือเปล่าเนี่ย ???
เป็นอีกครั้งที่พี่แกคว้ารางวัล “ปิชีชี่” มาครองควบกับตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของยุโรป
“ฟ้าลั่น” ลงเล่นให้ทีมตราหมี 4 ฤดูกาล รวมทั้งหมด 196 นัด ทำได้ 96 ประตู
เท่านั้นไม่พอ
กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยผู้นี้ยังสถาปนาตัวเองเป็นดาวซัลโวของฟุตบอลโลก 2010 อีกต่างหาก
ฉะนั้น & ฉะนี้
จึงมิอาจบอกได้ว่าเขาเป็นกองหน้าที่ยึดถือสากกะเบือเป็นแม่แบบในการเล่น แถมจัดเป็นดาวยิงระดับตีนพระกาฬอีกคนหนึ่งของวงการ
อืมมมมมม…แล้วเหตุไฉนตอนอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงประสบความไม่สำเร็จ ???
ความจริงเรื่องมันก็ผ่านไปเนิ่นนานแล้วนะครับ แต่ในช่วงที่เกมฟาดแข้งยังคงหลบเชื้อ เพื่อชาติแบบนี้ ผมขออนุญาตตามหาเหตุผล และคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ดูนะครับ
1. ก้าวกระโดดเกินไป
ตอนเป็นผู้เล่นของ อินดิเพนเดียนเต้ ในลีกสูงสุดของอาร์เจนติน่า – ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ยังไม่ใช่ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรมากมาย
ทีมชาติก็ยังไม่ติดเลยนะครับตอนนั้น
ปี 2001 มิดเดิ้ลส์โบรช์ พยายามที่จะกระชากตัวดาวเตะวัย 22 ขวบผู้นี้ไปร่วมทีมให้ได้ แต่ถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ชิงตัดหน้าไปก่อน เพราะจ่ายค่าตัวให้ต้นสังกัดของเขามากกว่า
เพียงแต่มันอาจเป็นการก้าวกระโดดเกินไปหน่อย
เพราะสมรภูมิแข้งพรีเมียร์ลีกอาจฮาร์ดคอร์เกินไปสำหรับผู้เล่นที่เพิ่งจะเทิร์นโปรเป็นนักเตะอาชีพได้เพียงแค่ 3 ปี ในฟุตบอลลีกที่ อเมริกาใต้ ที่คุณภาพต่ำกว่าลีกสูงสุดของเมืองหลวงลูกหนัง
บางทีหากเริ่มต้นการผจญภัยในยุโรป ด้วยการสร้างตัวจากคลีนิคในลีกระดับรองอย่าง ลีก เอิง, เอเรดิวิซี่ ลีก หรือ บุนเดสลีกา เสียก่อน เขาน่าจะมีเวลาปรับตัวให้เหมาะกับพรีเมียร์ลีกมากกว่านี้
พูดง่ายๆ ว่าพรีเมียร์ลีกมันเป็นเวทีที่ใหญ่ และยากเกินไปสำหรับเขาในตอนนั้น
2. ปีศาจแดงแรงฤทธา
ไม่เพียงแต่จะเขย่งก้าวกระโดดข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาค้าแข้งในสมรภูมิแข้งอันดับหนึ่งของเมืองมนุษย์อย่างพรีเมียร์ลีก ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ยังเปลี่ยนสถานะจากผู้เล่นโนเนมคนหนึ่งมาเป็นกองหน้าของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมอันดับหนึ่งของพรีเมียร์ลีกในตอนนั้นอีกด้วย
มันอาจเร็วเกินไปสำหรับนักเตะตัวเล็กๆ จากอเมริกาใต้สักคนที่จะย้ายมาอยู่กับทีมระดับพญายักษ์แบบนี้ เพราะยิ่งความคาดหวังสูงมากเท่าไหร่ ความกดดันก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น
บางทีหากตอนนั้น เขาเลือกที่จะย้ายไปอยู่กับ มิดเดิ้ลส์โบรช์ เสียก่อนแล้วค่อยขายวิญญาณให้ปีศาจแดงภายหลัง มันอาจดีกว่านี้…ก็..เป็น..ได้
3. ลงเล่นน้อย และไม่ต่อเนื่อง
ช่วงที่เขาย้ายมาฝังหนอกที่โรงละครแห่งความฝัน มันเป็นช่วงที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับหมากเตะจาก 4-4-2 มาเป็น 4-5-1 โดยตัวเลือกอันดับแรกในตำแหน่งหัวหอกตัวเป้าคือ รุด ฟาน นิสเตลรอย
ดิเอโก้ ฟอร์ลัน จึงเป็นเพียงแค่กำลังเสริมหรือเป็นแค่อะไหล่ – มิใช่ตัวหลัก
นั่นส่งผลให้เขาได้ลงตัวจริงบ้าง ตัวสำรองบ้างสลับกันไป ไม่ได้ยึดตำแหน่งตัวจริงอย่างถาวรจนปราศจากความต่อเนื่อง
บันทึกว่า63 นัดที่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก นักเตะผู้นี้ถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองถึง 40 นัด ซึ่งมันก็เปรียบเสมือนมีดที่ไม่ได้ลับให้คมอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ
4. ตอนนั้นยังไม่พีค
ว่ากันว่าช่วงอายุระหว่าง 25-29 ขวบของนักฟุตบอลนี่แหละ คือช่วงที่พวกเขาจะระเบิดฟอร์มการเล่นอันกระฉูดแตกออกมามากที่สุด
ดิเอโก้ ฟอร์ลัน มีอายุแค่ยีบสอง ตอนย้ายมาสวมเครื่องนุ่งห่มของอสูรสามง่ามใหม่ๆ ประสบการณ์ยังน้อย กระดูกยังไม่แข็งมาก และยังไม่มีความมั่นใจสักเท่าไหร่ ก่อนจะถูกเลหลังออกไปตอนอายุ 25 ซึ่งถือเป็นช่วงที่กำลังจะเริ่มพีค
ตอนที่สถาปนาตัวเองเป็นดาวซัลโว ลา ลีกา สมัยที่ 2 ด้วยการถล่มตาข่ายไป 32 ประตูจาก 33 นัด กองหน้าผู้นี้ก็มีอายุ 29 ปี ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงพีคแบบเต็มพิกัดพอดี
5. เคมีไม่ลงตัว
บ่อยครั้งที่ฟุตบอลมันไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น
นักเตะบางคนเหมาะสมกับทีมบางทีม นักเตะบางคนก็ไม่เหมาะสมกับบางทีม ไม่มีอะไรแน่นอน และตายตัวตามหลักคณิตศาสตร์ของคุณครูปรีชา (นามสมมุติ)
ดิเอโก้ ฟอร์ลัน กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือน “น้ำ” กับ “น้ำมัน” ที่เข้ากันไม่ได้
เช่นเดียวกับนักเตะสายพันธุ์ อเมริกาใต้ ที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับโรงละครแห่งความฝันสักเท่าไหร่
แล้วเวลาหาคำตอบที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ คำว่า “เคมีไม่ลงตัว” นี่แหละคือคำอธิบายที่ดีที่สุด
ดังฉะนั้น เมื่อถามว่าทำไม ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ถึงไม่เปรี้ยงปร้างกับปีศาจแดงเหมือนตอนไล่ล่าประตูให้ทีมอื่น ???
คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ…เคมีมันไม่ลงตัวนั่นแหละ
คลิกเลย >>> UFABETWINS
คลิกเลย >>> https://www.amberfordphoto.com/